เมนู

37. อรรถกถาลุสณทายกเถราปทาน


อปทานของท่านพระลสุณทายกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า หิมวนฺตสฺสา-
วิทูเร
ดังนี้.
ท่านลสุณทายกเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญทั้งหลาย ในพระพุทธเจ้าองค์
ก่อน ๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ใน
กาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า วิปัสสี บังเกิดในเรือนมีตระกูล
แห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว เห็นโทษในการอยู่ครองเรือ ละเรือน
บวชเป็นดาบส อาศัยหิมวันตบรรพตอยู่ในป่า ปลูกกระเทียมเป็นอันมาก
เคี้ยวกินกระเทียมนั้น รากไม้และผลไม้ป่าอยู่. ท่านนำกระเทียมเป็นอันมาก
หาบมาสู่ถิ่นมนุษย์ เลื่อมใสถวายทานเพื่อเป็นเภสัชแก่ภิกษุสงฆ์มีพระ-
พุทธเจ้าเป็นประธานแล้วไป, ท่านบำเพ็ญบุญจนตลอดชีวิตด้วยอาการ
อย่างนี้ ด้วยกำลังแห่งบุญนั้นนั่นแล แล้วท่องเที่ยวไปโนเทวดาและมนุษย์
เสวยสมบัติทั้งสอง เกิดแล้วในพุทธุปบาทกาลนี้ โดยลำดับ ได้ศรัทธา
บวชแล้วเจริญวิปัสสนา ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต ด้วยอำนาจแห่ง
บุพกรรม ท่านจึงปรากฏนามว่า ลสุณทายกเถระ.
ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพ-
จริตาปทาน จึงกล่าวคำนี้อาทิว่า หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ดังนี้. ในคำนั้นเชื่อม
ความว่า ในที่เป็นที่สัญจรไปแห่งมนุษย์ทั้งหลาย ในที่สุดแห่งภูเขาหิมาลัย
ในกาลใดพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสีทรงอุบัติขึ้น ในกาลนั้น
เราได้เป็นดาบส. บทว่า ลสุณํ อุปชีวามิ ความว่า ข้าพเจ้าได้ปลูก
กระเทียมแดงนั้นนั่นแลให้เป็นอาหารเลี้ยงชีพ. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึง
กล่าวว่า ลสุณํ มยฺหโภชนํ ดังนี้.

บทว่า ขาริโย ปูรยิตฺวาน ความว่า บรรจุภาชนะของดาบสให้
เต็มวัยกระเทียมหาบไป ได้ไปยังสังฆารามคือที่เป็นที่อยู่ของสงฆ์ ได้แก่
ไปสู่วิหารอันเป็นที่อยู่ด้วยอิริยาบถทั้ง 4 ของสงฆ์ ใน 3 กาล มีฤดูเหมนต์
เป็นต้น. บทว่า หฏฺโฐ หฏฺเฐน จิตฺเตน ความว่า เรายินดีได้ถวาย
กระเทียมแก่สงฆ์ ด้วยจิตที่ประกอบด้วยโสมนัส.
บทว่า วิปสฺสิสฺส ฯ เป ฯ นิรตสฺสหํในศาสนาของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้เลิศคือประเสริฐกว่านระทั้งหลาย. บทว่า
สงฺฆสฺส ฯ เป ฯ โมทหํ ความว่า ข้าพเจ้าถวายกระเทียมเป็นทาน
แก่สงฆ์แล้ว เสวยทิพยสมบัติตลอดอายุกัป ในเทวโลกอันเลิศด้วยดี.
บันเทิงแล้วในสวรรค์. อธิบายว่า เราเป็นผู้ยินดี. คำที่เหลือรู้ได้ง่าย
ทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาลสุณทายกเถราปทาน

อายาตทายกเถราปทานที่ 8 (38)


ว่าด้วยผลแห่งการสร้างศาลาโรงฉัน


[40] เมื่อพระโลกนาถพระนามว่าสิขี ผู้ประเสริฐของพวกคน
ผู้กล่าว (ยกย่องตน) นิพพานแล้ว เราร่าเริง มีจิตโสมนัส
ได้ให้พระสถูปอันอุดม.

ในกาลนั้น เราร่าเริงมีจิตโสมนัส ให้คนไปบอกกับนาย
ช่างไม้ ให้ทรัพย์แล้ว จ้างให้ทำศาลาโรงฉัน.

เราอยู่ในเทวโลกตลอด 8 กัปโดยไม่สับสนกันเลย ใน
กัปที่เหลือ เราท่องเที่ยว ไปสับสนกัน.

ยาพิษย่อมไม่กล้ำกรายในกายเรา และศาสตราไม่กระทบ
กายเรา เราไม่พึงตายในน้ำ นี้เป็นผลแห่งการสร้างศาลา
โรงฉัน.

เราปรารถนาฝนเมื่อใด มหาเมฆย่อมยังฝนให้ตกเมื่อนั้น
แม้เทวดาทั้งหลายก็ตกอยู่ในอำนาจของเรา นี้เป็นผลแห่งบุญ
กรรม.

เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ
30 ครั้ง ใคร ๆ ย่อมไม่ดูหมิ่นเรา นี้เป็นผลแห่งการบุญกรรม.

ในกัปที่ 31 แต่กัปนี้ เราได้สร้างศาลาโรงฉันใด ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งกรรมสร้างศาลา
โรงฉัน.